The Complete Guide to Water Quality Parameters - Comprehensive overview of key measurements

65 จำนวนผู้เข้าชม  | 

The Complete Guide to Water Quality Parameters - Comprehensive overview of key measurements

The Complete Guide to Water Quality Parameters

คู่มือพารามิเตอร์คุณภาพน้ำฉบับสมบูรณ์


1. Introduction – บทนำ
น้ำคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของชีวิตและระบบนิเวศ การรักษาคุณภาพน้ำให้เหมาะสมกับการใช้งานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำดื่ม น้ำอุปโภค น้ำเพื่อเกษตรกรรม หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDG6)

แต่ละแหล่งน้ำมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ ต้นกำเนิด ภูมิอากาศ การใช้ที่ดิน และกิจกรรมของมนุษย์ ทำให้ “คุณภาพน้ำ” ต้องอาศัยการตรวจวัดพารามิเตอร์ต่าง ๆ เพื่อสะท้อนสภาพจริงของน้ำ ทั้งด้านกายภาพ เคมี และชีววิทยา

พารามิเตอร์เหล่านี้เปรียบเสมือน “ภาษาของน้ำ” ที่บอกเล่าว่าน้ำสะอาดหรือไม่ ปลอดภัยเพียงใด และต้องปรับปรุงอย่างไร
การเข้าใจค่าต่าง ๆ เช่น pH, TDS, DO, BOD, COD, ความขุ่น และโลหะหนัก จึงเป็นพื้นฐานของงานด้านสิ่งแวดล้อม วิศวกรรม และสาธารณสุข

องค์การอนามัยโลก (WHO, 2022) ระบุว่าการติดตามคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่องช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่เกิดจากน้ำกว่า 80% และเป็นแนวทางหลักของการบริหารจัดการน้ำดื่มในทุกประเทศ

2. General Principles of Water Quality Assessment – หลักการทั่วไปของการประเมินคุณภาพน้ำ
2.1 ความหมายของ “คุณภาพน้ำ”
คุณภาพน้ำหมายถึง ลักษณะทางกายภาพ เคมี และชีววิทยา ของน้ำที่กำหนดความเหมาะสมต่อการใช้งาน เช่น ดื่ม ชลประทาน หรืออุตสาหกรรม
ในประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ (PCD) ได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดินและน้ำดื่ม โดยแบ่งตามประเภทการใช้ประโยชน์ เช่น

แหล่งน้ำประเภท 1A: ใช้เป็นน้ำดื่มโดยไม่ต้องผ่านการปรับปรุงมาก
แหล่งน้ำประเภท 4: ใช้เพื่ออุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหาร

2.2 หมวดพารามิเตอร์คุณภาพน้ำ
โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก
Physical Parameters (กายภาพ) – วัดลักษณะภายนอก เช่น สี กลิ่น อุณหภูมิ ความขุ่น
Chemical Parameters (เคมี) – วัดองค์ประกอบของสารละลาย เช่น pH, TDS, DO, BOD, COD
Biological Parameters (ชีววิทยา) – ตรวจหาสิ่งมีชีวิต เช่น แบคทีเรีย สาหร่าย จุลินทรีย์


2.3 แหล่งมาตรฐานสำคัญที่ใช้อ้างอิง
WHO (World Health Organization) – Guidelines for Drinking-water Quality, 2022
EPA (United States Environmental Protection Agency) – National Primary Drinking Water Standards
กรมควบคุมมลพิษ (ประเทศไทย) – มาตรฐานคุณภาพน้ำผิวดินและน้ำดื่ม พ.ศ. 2560
มาตรฐานเหล่านี้ระบุค่าพารามิเตอร์สูงสุดที่อนุญาต (Maximum Contaminant Level – MCL) ซึ่งเป็นพื้นฐานในการตรวจวัดและตีความ

3. Physical Parameters – พารามิเตอร์ทางกายภาพ
พารามิเตอร์กลุ่มนี้เป็นตัวบ่งชี้ลักษณะพื้นฐานของน้ำ เช่น สี กลิ่น ความขุ่น และอุณหภูมิ ซึ่งสามารถบ่งชี้ถึงสภาพความสะอาดเบื้องต้นและสภาวะของระบบนิเวศ
3.1 Temperature (อุณหภูมิของน้ำ)
อุณหภูมิมีผลโดยตรงต่อกระบวนการเคมีและชีวภาพในน้ำ เช่น การละลายของออกซิเจน และการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต
มาตรฐาน WHO / PCD: อุณหภูมิควรอยู่ระหว่าง 25–30°C สำหรับน้ำผิวดินทั่วไป
ผลกระทบ:
อุณหภูมิสูง → DO ลดลง → สัตว์น้ำหายใจลำบาก
อุณหภูมิต่ำ → กระบวนการย่อยสลายช้า
การวัด: ใช้เทอร์โมมิเตอร์หรือเซนเซอร์ดิจิทัลจุ่มในน้ำ (accuracy ±0.1°C)

3.2 Color (สีของน้ำ)
สีเป็นตัวบ่งชี้สารอินทรีย์ที่ละลายในน้ำ เช่น ฮิวมิค (Humic substances) หรือสารโลหะบางชนิด เช่น เหล็กและแมงกานีส
มาตรฐาน WHO: ไม่เกิน 15 True Color Unit (TCU)
PCD (ไทย): ไม่เกิน 15 Pt-Co
สีที่เกินค่านี้อาจเกิดจากน้ำเสีย การปนเปื้อนของสารอินทรีย์ หรือการย่อยสลายของใบไม้ในธรรมชาติ
 
3.3 Turbidity (ความขุ่น)
ความขุ่นคือความสามารถของน้ำในการกระจายหรือสะท้อนแสง เกิดจากอนุภาคแขวนลอย เช่น ดิน ทราย แบคทีเรีย
มาตรฐาน WHO: ไม่เกิน 5 NTU สำหรับน้ำดื่ม
EPA: ไม่เกิน 1 NTU ในระบบน้ำประปาหลังการกรอง
PCD: ไม่เกิน 25 NTU สำหรับน้ำผิวดินประเภท 1
ผลกระทบ: ความขุ่นสูงอาจปิดกั้นแสง ทำให้สาหร่ายสังเคราะห์แสงไม่ได้ และลดประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อด้วยคลอรีน
การวัด: ใช้เครื่อง Nephelometer ตรวจวัดการกระเจิงของแสง

3.4 Total Suspended Solids (TSS – สารแขวนลอยรวม)
TSS คือของแข็งที่ไม่ละลาย เช่น ตะกอน ฝุ่น หรือจุลินทรีย์ที่ลอยอยู่ในน้ำ
มาตรฐาน PCD: ไม่เกิน 30 mg/L สำหรับน้ำผิวดินประเภท 1
WHO: แนะนำให้ต่ำกว่า 10 mg/L ในระบบน้ำดื่ม
ผลกระทบ: ค่าสูงทำให้แสงผ่านน้ำได้น้อยและเพิ่มภาระให้กับระบบกรอง
3.5 Total Dissolved Solids (TDS – สารละลายรวม)

TDS คือปริมาณของสารอนินทรีย์ที่ละลายในน้ำ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม
WHO: ค่าที่เหมาะสม < 600 mg/L, ค่าสูงสุดที่ยอมรับได้ 1000 mg/L
EPA: 500 mg/L
PCD: ไม่เกิน 1000 mg/L
ผลกระทบ: น้ำที่มี TDS สูงจะมีรสกร่อยและอาจเกิดคราบตะกรัน
การวัด: ใช้เครื่องวัด TDS หรือวัดจากค่าความนำไฟฟ้า (EC)

3.6 Odor and Taste (กลิ่นและรส)
แม้จะเป็นการประเมินเชิงประสาทสัมผัส แต่เป็นตัวบ่งชี้การปนเปื้อนที่ดี เช่น ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S) ทำให้มีกลิ่นไข่เน่า
WHO / EPA: น้ำดื่มควร “ไม่มีกลิ่นและรสที่ผิดปกติ”


4. Chemical Parameters – พารามิเตอร์ทางเคมี
กลุ่มนี้เป็นหัวใจหลักของการประเมินคุณภาพน้ำ เพราะบ่งบอกองค์ประกอบของสารเคมีทั้งอินทรีย์และอนินทรีย์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสุขภาพและระบบนิเวศ
4.1 pH (ความเป็นกรด-ด่าง)
เป็นค่าที่สะท้อนสมดุลของไฮโดรเจนไอออนในน้ำ
WHO: 6.5 – 8.5
EPA: 6.5 – 8.5
PCD: 5.5 – 9.0 (น้ำผิวดิน)
ผลกระทบ:
pH ต่ำเกินไป → น้ำเป็นกรด กัดกร่อนโลหะ
pH สูงเกินไป → น้ำเป็นด่าง เกิดตะกรัน
การวัด: ใช้เครื่องวัด pH แบบอิเล็กโทรด

4.2 Dissolved Oxygen (DO – ออกซิเจนละลายน้ำ)
คือปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ จำเป็นต่อการหายใจของสัตว์น้ำ
มาตรฐาน WHO: > 5 mg/L สำหรับน้ำสะอาด
PCD: > 6 mg/L สำหรับน้ำประเภท 1
ผลกระทบ:
DO ต่ำ → เกิดสภาวะขาดอากาศ (anoxic) → ปลาตาย, เกิดกลิ่นเหม็น
การวัด: ใช้เครื่อง DO meter หรือวิธี Winkler Titration


4.3 Biochemical Oxygen Demand (BOD)
คือปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้ในการย่อยสลายอินทรียวัตถุในน้ำในช่วงเวลา 5 วัน (BOD₅)
PCD:
น้ำประเภท 1 ไม่เกิน 1.5 mg/L
น้ำประเภท 3 ไม่เกิน 4 mg/L
EPA: แนะนำ < 3 mg/L สำหรับน้ำผิวดินที่ดี
ผลกระทบ: ค่าสูงแสดงถึงน้ำเสียจากของเสียอินทรีย์ เช่น น้ำทิ้งชุมชน โรงงาน หรือฟาร์ม

4.4 Chemical Oxygen Demand (COD)
COD คือปริมาณออกซิเจนที่ใช้ในการออกซิไดซ์สารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ในน้ำโดยสารเคมี (เช่น โครเมต)
PCD:
น้ำประเภท 1 ไม่เกิน 15 mg/L
น้ำประเภท 3 ไม่เกิน 40 mg/L
ความสัมพันธ์: COD มักมีค่าสูงกว่า BOD 2–3 เท่า
การวัด: ใช้วิธี Dichromate Reflux หรือ Spectrophotometer

4.5 Electrical Conductivity (EC – ความนำไฟฟ้า)
สะท้อนปริมาณอิออนในน้ำ เช่น Na⁺, Ca²⁺, Cl⁻
WHO: ค่าที่เหมาะสมไม่เกิน 1500 µS/cm
EPA: 500–1600 µS/cm ขึ้นอยู่กับแหล่งน้ำ
ผลกระทบ: ค่าสูงบ่งถึงเกลือหรือสารละลายสูง


4.6 Alkalinity (ความเป็นด่าง)
คือความสามารถของน้ำในการต้านทานการเปลี่ยนแปลง pH โดยส่วนใหญ่เกิดจากไบคาร์บอเนต (HCO₃⁻), คาร์บอเนต (CO₃²⁻)
WHO: 30–500 mg/L (CaCO₃)
EPA: ไม่มีมาตรฐานตายตัวแต่ควรอยู่ในช่วง 20–200 mg/L
ผลกระทบ:
ความเป็นด่างสูงเกินไป → น้ำมีรสขมและเกิดตะกรัน
ต่ำเกินไป → น้ำไม่เสถียรต่อการเปลี่ยนแปลง pH


4.7 Hardness (ความกระด้างของน้ำ)
เกิดจากไอออนแคลเซียมและแมกนีเซียม
WHO: < 300 mg/L (CaCO₃) ถือว่าดื่มได้ดี
EPA: 100–180 mg/L เหมาะสม
PCD: ไม่เกิน 500 mg/L
ผลกระทบ: ทำให้เกิดคราบตะกรันในหม้อไอน้ำ และลดประสิทธิภาพของสบู่


4.8 Nitrate (NO₃⁻) และ Nitrite (NO₂⁻)
เป็นตัวชี้วัดการปนเปื้อนจากปุ๋ยหรือของเสีย
WHO:
Nitrate ≤ 50 mg/L
Nitrite ≤ 0.2 mg/L
EPA:
Nitrate ≤ 10 mg-N/L
Nitrite ≤ 1 mg/L
ผลกระทบ: ไนเตรตสูงในน้ำดื่มอาจทำให้เด็กเกิดโรคเมทฮีโมโกลบิน (blue baby syndrome) ไนเตรตสูงในน้ำดื่มอาจทำให้เด็กเกิดโรคเมทฮีโมโกลบิน (blue baby syndrome) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้เลือดไม่สามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เด็กมีอาการตัวเขียวหรือผิวหนังสีฟ้า โดยเฉพาะในบริเวณริมฝีปากและเล็บ

สาเหตุหลักเกิดจากไนเตรตเปลี่ยนเป็นไนไตรต ซึ่งสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของฮีโมโกลบิน ทำให้ไม่สามารถจับกับออกซิเจนได้ เมื่อเด็กดื่มน้ำที่มีไนเตรตสูง การเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้จะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน

การป้องกันโรคเมทฮีโมโกลบินมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยควรตรวจสอบคุณภาพน้ำดื่มที่ใช้ในครัวเรือน และหากพบว่าไนเตรตในน้ำดื่มสูงเกินค่ามาตรฐาน ควรหาวิธีการกรองน้ำ หรือใช้แหล่งน้ำที่ปลอดภัยมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กได้รับน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยจากสารปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ.

5. Biological Parameters – พารามิเตอร์ทางชีววิทยา
พารามิเตอร์ทางชีววิทยาเป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่บอกถึง การปนเปื้อนจากสิ่งมีชีวิตหรือของเสียอินทรีย์จากมนุษย์และสัตว์
โดยเฉพาะเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคในคน เช่น E. coli, Coliform bacteria, Enterococcus เป็นต้น
5.1 Total Coliforms (โคลิฟอร์มรวม)
เป็นกลุ่มแบคทีเรียที่พบทั่วไปในดิน น้ำ และสิ่งแวดล้อม ใช้เป็นตัวชี้วัดเบื้องต้นว่าน้ำอาจมีการปนเปื้อนของจุลชีพ
WHO / EPA: ต้องไม่พบในน้ำดื่ม (0 CFU/100 mL)
PCD: สำหรับน้ำผิวดินประเภท 1 ต้องไม่เกิน 2,000 MPN/100 mL
ความสำคัญ: แม้จะไม่ก่อโรคโดยตรง แต่หากตรวจพบ หมายถึงมีโอกาสที่น้ำจะปนเปื้อนของเสียจากสิ่งมีชีวิต
การวัด:
ใช้วิธี Multiple Tube Fermentation (MPN test)
หรือ Membrane Filtration (MF) บน medium เฉพาะ


5.2 Fecal Coliforms / E. coli (โคลิฟอร์มจากอุจจาระ / อีโคไล)
เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนกว่าว่าน้ำมีการปนเปื้อนจากอุจจาระของคนหรือสัตว์
WHO / EPA: 0 CFU/100 mL ในน้ำดื่ม
PCD: น้ำผิวดินประเภท 1 ไม่เกิน 1,000 MPN/100 mL
น้ำบาดาลเพื่อการบริโภค: ต้องไม่พบเช่นกัน
ผลกระทบ: การพบ E. coli แสดงถึงโอกาสของเชื้อโรค เช่น Salmonella, Shigella, Vibrio cholerae, Giardia ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหาร
การวัด: ใช้เทคนิคการกรองเมมเบรนและบ่มที่อุณหภูมิ 44.5°C ในสื่ออาหาร selective

5.3 Heterotrophic Plate Count (HPC)
เป็นการนับจำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมดในน้ำ โดยไม่จำเพาะเจาะจงชนิด
WHO: < 500 CFU/mL สำหรับน้ำดื่ม
EPA: ไม่ใช่พารามิเตอร์บังคับ แต่ใช้เฝ้าระวังคุณภาพระบบประปา
การวัด: ใช้วิธี Plate Count หรือ Pour Plate ที่อุณหภูมิ 35°C ใน 48 ชม.

5.4 Algae and Phytoplankton (สาหร่ายและแพลงก์ตอนพืช)
การเติบโตของสาหร่ายในแหล่งน้ำเป็นตัวชี้วัดของการ “ยูโทรฟิเคชัน (Eutrophication)”
ซึ่งเกิดจากการสะสมของสารอาหาร (ไนโตรเจน–ฟอสฟอรัส)
ผลกระทบ:
เกิดกลิ่นเหม็น สีเขียวของน้ำ
ปล่อยสารพิษ (เช่น Microcystin)
การวัด: ใช้กล้องจุลทรรศน์นับชนิดและความหนาแน่น (cell/mL)


5.5 Biological Oxygen Demand (BOD) – (ย้ำในแง่ชีววิทยา)
เป็นตัวบ่งบอกกิจกรรมของจุลินทรีย์ในน้ำ ยิ่งค่าสูง แสดงว่าน้ำมีสารอินทรีย์ให้ย่อยมาก → ต้องใช้ออกซิเจนมาก

6. Interpretation of Water Quality – การแปลผลคุณภาพน้ำ
การอ่านค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ต้องเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เพื่อประเมินภาพรวมว่าน้ำอยู่ในเกณฑ์ “สะอาด” หรือ “เสื่อมโทรม”
6.1 การจัดระดับคุณภาพน้ำ (Water Quality Index – WQI)
WQI เป็นดัชนีที่รวมค่าพารามิเตอร์หลายตัว เช่น DO, BOD, pH, TSS, Nitrate เพื่อแปลงเป็นคะแนนเดียว (0–100)
ค่าดัชนี (WQI) ระดับคุณภาพน้ำความหมาย 

91–100  ดีมาก (Excellent),  น้ำสะอาด ใช้ดื่มได้หลังฆ่าเชื้อ
71–90ดี (Good), ใช้อุปโภคหรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้
51–70  ปานกลาง (Fair), ต้องปรับปรุงก่อนใช้
26–50 เสื่อม (Poor), ไม่เหมาะต่อสิ่งมีชีวิต
0–25 แย่มาก (Very Poor), น้ำเสีย ต้องบำบัด
ประเทศไทยใช้สูตรของกรมควบคุมมลพิษ (PCD WQI) ซึ่งปรับจากโมเดลของ NSF (National Sanitation Foundation)

6.2 การตีความเชิงระบบนิเวศ (Ecosystem Approach)
นอกจากค่าเชิงตัวเลข การประเมินคุณภาพน้ำต้องดูปัจจัยร่วม เช่น
การเปลี่ยนแปลงของ DO ในแต่ละเวลา สัตว์น้ำในพื้นที่ เช่น ปลาหรือกุ้งลดจำนวน
กลิ่น สี การเกิดฟองหรือคราบมันบนผิวน้ำ

ตัวอย่าง:
หาก DO ต่ำแต่ BOD สูง → น้ำเสียจากอินทรียวัตถุ
หาก pH สูงร่วมกับสาหร่ายมาก → ยูโทรฟิเคชัน
หาก EC และ TDS สูง → ปนเปื้อนเกลือหรือแร่ธาตุ


6.3 การใช้เกณฑ์มาตรฐานของหน่วยงานต่างประเทศ


7. Technologies and Instruments – เทคโนโลยีและเครื่องมือวัดคุณภาพน้ำ
เทคโนโลยีการตรวจวัดคุณภาพน้ำสมัยใหม่ได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้ข้อมูล แบบ Real-time และแม่นยำ
ทั้งในห้องปฏิบัติการ (Lab) และภาคสนาม (Field Monitoring)

7.1 Laboratory Instruments – เครื่องมือในห้องแล็บ
pH Meter: วัดค่าความเป็นกรด–ด่าง
DO Meter: ตรวจปริมาณออกซิเจนละลาย
Spectrophotometer: ใช้วัดค่า COD, Nitrate, Phosphate
Turbidimeter: วัดความขุ่น (NTU)
TDS/EC Meter: วัดปริมาณเกลือและสารละลาย
Autoclave + Incubator: สำหรับบ่มตัวอย่างจุลินทรีย์
ข้อดี: แม่นยำสูง เหมาะกับการตรวจมาตรฐาน
ข้อเสีย: ต้องใช้เวลาวิเคราะห์และบุคลากรเชี่ยวชาญ

7.2 On-Site Monitoring and IoT Sensors
ปัจจุบันมีการใช้ Water Quality Sensors แบบ IoT ที่สามารถวัดค่าต่อเนื่องทุกชั่วโมงและส่งข้อมูลผ่านคลาวด์
ค่าที่วัดได้ เช่น pH, DO, EC, Temperature, Turbidity

ตัวอย่างระบบ:
Yokogawa / Endress+Hauser: Sensor สำหรับโรงงานและแหล่งน้ำ
Thailand Smart Water Project: โครงการติดตั้งเซ็นเซอร์ในลำน้ำหลัก 25 สายของประเทศ
ข้อดี:
เฝ้าระวังคุณภาพน้ำแบบเรียลไทม์
เตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning System)
ลดค่าใช้จ่ายการเก็บตัวอย่าง


7.3 Advanced Analytical Technologies – เทคโนโลยีวิเคราะห์ขั้นสูง
Ion Chromatography (IC): แยกและตรวจวัดไอออน เช่น NO₃⁻, Cl⁻, SO₄²⁻
ICP-OES / ICP-MS: ตรวจโลหะหนักระดับ ppb เช่น Pb, Cd, As, Hg
GC-MS: ตรวจสารอินทรีย์ระเหย VOCs, Pesticides
FTIR: วิเคราะห์สารอินทรีย์เชิงโครงสร้าง


8. Practical Case Studies – ตัวอย่างการประเมินจริง
8.1 ตัวอย่างที่ 1: น้ำบาดาลในภาคอีสาน
พบค่า TDS = 1200 mg/L, EC = 2200 µS/cm
สาเหตุ: หินเกลือ (halite) ใต้ดินละลายในน้ำ
ผลกระทบ: น้ำมีรสกร่อย → ต้องใช้ระบบ RO หรือ Electrodialysis


8.2 ตัวอย่างที่ 2: น้ำผิวดินในเขตชุมชน
พบค่า BOD = 7 mg/L, DO = 2 mg/L, Coliform = 5000 MPN/100 mL
สาเหตุ: น้ำเสียจากชุมชน
แนวทางแก้ไข:
ติดตั้งระบบบำบัดแบบ Activated Sludge
ควบคุมของเสียจากตลาดและโรงงาน


8.3 ตัวอย่างที่ 3: น้ำอุตสาหกรรมก่อนปล่อยสู่คลอง
พบค่า COD 250 mg/L, Oil & Grease 10 mg/L
มาตรฐานปล่อยของไทย (โรงงาน): COD < 120 mg/L
แนวทางแก้ไข: เพิ่มระบบ Fenton Oxidation + Carbon Filter


9. Summary – สรุปภาพรวม
การประเมินคุณภาพน้ำไม่ใช่เพียงการวัดค่าตัวเลข แต่คือการ ทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติและกิจกรรมมนุษย์
พารามิเตอร์แต่ละตัว เช่น pH, DO, BOD, COD, TDS, Nitrate และ Coliform ล้วนสะท้อน “ชีวิตของน้ำ”

ในอนาคต การจัดการคุณภาพน้ำจะเน้น
ระบบเฝ้าระวังอัจฉริยะ (Smart Water System)
การบูรณาการข้อมูลจากหลายหน่วยงาน
การบำบัดแบบ Zero Liquid Discharge (ZLD)
เพื่อให้ทุกหยดของน้ำถูกใช้ซ้ำและคงคุณภาพที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้